
๑. ข้อใดมีสระเดี่ยวเสียงยาวน้อยที่สุด (ไม่นับเสียงซ้ำ)
ก. เสี่ยงปี่ตอดแตรต่อสีซอรับ
ข. ได้ระเบียบเรียบงามสักสามร้อย
ค. ปี่พาทย์คอยบรรเลงเพลงสดับ
ง. กลองขยับมือถี่ตีออกรัว
เฉลย ขั้นแรกเราต้องหาสระเสียงยาวในแต่ละข้อกันก่อน มาดูกัน!!!
ก. มีสระ เอีย, อี, ออ, แอ รวม ๔ เสียง
ข. มีสระ ไอ เอีย อา ออ รวม ๔ เสียง
ค. มีสระอี อา ออ เอ รวม ๔ เสียง
ง. มีสระออ อือ อี อัว รวม ๔ เสียง
โอ๊ยยย! เท่ากันหมดเลย แต่ว่าโจทย์ถามสระเดี่ยว เราก็มาตัดกันทีละข้อนะครับ
ก. ตัดสระ เอีย ออก เพราะเป็นสระประสม จะเหลือ ๓ เสียง คือ อี, ออ, แอ
ข. ตัดสระ เอย ออก เพราะเป็นสระประสม สระไอ เป็นสระเกิน จะเหลือ ๒ เสียง คือ อา กับ ออ
ค. ไม่ตัดเสียงใดเลย จะเหลือเท่าเดิม คือ สระอี อา ออ เอ รวม ๔ เสียง
ง. ตัดสระ อัว ออก เพราะเป็นสระประสม จะเหลือ ๓ เสียง คือ ออ อือ อี
ดังนั้นจึงตอบ ค. ปี่พาทย์คอยบรรเลงเพลงสดับ เรามาดูข้อต่อไปเลยดีกว่า
๒. ข้อใดมีเสียงพยัญชนะต้นเดี่ยวมากที่สุด (ไม่นับเสียงซ้ำ)
ก. วันพฤหัสเดือนอ้ายขึ้นหกค่ำ
ข. กำหนดนำเฝ้าอนงค์อันทรงศักดิ์
ค. สองอังกฤษคิดภักดีเป็นที่รัก
ง. มาชวนชักให้สนานสำราญกาย
เฉลย เราเห็นข้อสอบแล้วอาจจะงงๆ อยู่ว่า “พยัญชนะต้น” คืออะไร พยัญชนะต้นก็คือ พยัญชนะตัวแรกของแต่ละคำนั่นเอง โดยจะนับเรียงพยางค์ เช่น สวัสดี พยัญชนะต้นก็คือ ส, ว, ด แต่ถ้าเป็นคำควบกล้ำหรืออักษรนำเราจะนำรวมตัวนำและตัวควบ เช่น ควาย พยัญชนะต้น คือ คว ตลาด พยัญชนะต้นคือ ตล เรามาทำข้อสอบกันเลยดีกว่า
ก. มี ว, พฤ, ห, ด, อ, ข, ค
ข. มี ก, หน, น, ฝ ,อ ,ทร, ศ
ค. ส, อ, กฤ, ค, ภ, ด, ป, ท, ร
ง. ม, ช, ห, สน, ส, ร, ก ทีนี้เราก็มาตัดตัวที่ไม่ใช่พยัญชนะเดี่ยวกัน
ก. ตัด พฤ ออก เหลือ ว, ห, ด, อ,ข,ค รวม ๖ เสียง
ข. ตัด หน, ทร ออก เหลือ ก, น, ฝ, อ, ศ รวม ๕ เสียง
ค. ตัด กฤ ออก เหลือ ส,อ,ค, ภ, ด, ป, ท, ร รวม ๘ เสียง
ง. ตัด สน ออก เหลือ ม, ช, ห , ส, ร, ก รวม ๖ เสียง
ดังนั้น ตอบ ค. สองอังกฤษคิดภักดีเป็นที่รัก
๓. การเล่นเสียงในข้อใดต่างจากข้ออื่น
ก. อยู่ตามลำพังแล้วก็จะพากันผาดโผนโจนเล่มตามประสาสัตว์
ข. นุ่งผ้าย้อมฝาดคาดกาสาว์พันเป็นเกลียวเหนี่ยวเหน็บรั้ง
ค. เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโวยโว่ยวิเวกวะหวามอก
ง. ยีงมีบุรุษผู้หนึ่งนั้นเติบโตดำล่ำสันเห็นพิลึก
เฉลย ในการเล่นเสียงนั้นจะมีอยู่ ๓ แบบ คือ การเล่นเสียงพยัญชนะ เล่นเสียงสระ เล่นเสียงวรรณยุกต์
๑) เล่นเสียงพยัญชนะ คือ การนำเอาคำที่มีพยัญชนะเดียวกันมาเรียงชิดติดกัน เช่น “วิเวกวะหวาม”
๒) เล่นเสียงสระ คือ การนำเอาคำที่มีพยัญชนะเดียวกันมาเรียงชิดติดกัน เช่น “โผนโจน”
๓) เล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ การนำคำที่มีสระเดียวกันวรรณยุกต์ต่างกันมาวางเรียงลำดับกัน เช่น สามัญ – เอก –โอ, จัตวา – ตรี – โท เช่น “คูคู่คู้” เรียงจาก สามัญ – เอก – โท หรืออาจไม่เรียงก็ได้
ดูที่โจทย์
ข้อ ก. เล่นเสียงสระ โผนโจน
ข้อ ข. เล่นเสียงสระ เกลียวเหนี่ยว
ข้อ ค. โหวยโวยโว่ยวิเวกวะหวาม ข้อนี้เล่นทั้งพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์
ข้อ ง. เติบโตดำล่ำ เล่นพยัญชนะ และสระ
ดังนั้น ข้อ ค. เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโวยโว่ยวิเวกวะหวามอก มีการเล่นเสียงพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ซึ่งต่างจากข้ออื่น จึงตอบข้อนี้
๔. ข้อใดใช้กลวิธีเดียวกับคำประพันธ์ต่อไปนี้
“ทั้งหนาวลมหนาวพรมน้ำค้างพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเย็น”
ก. เป็นพูดชื่อหรือภูตผีปีศาจหลอก ใครช่วยบอกภูตผีมานี่ประเดี๋ยว
ข. ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา
ค. เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
ง. แม้เสียดาหาก็เสียวงศ์ อัปยศถึงองค์อสัญหยา
เฉลย กลวิธีการประพันธ์ / วรรณศิลป์ คืออย่างเดียวกัน มีทั้ง การเล่นคำ การเล่นเสียง การใช้วารภาพพจน์
ข้อ ก. ใช้การเล่นคำพ้องเสียง คำว่า “ภูต - พูด”
ข้อ ข. ใช้การเล่นคำพ้องรูป คำว่า “ตระเวนไพร” คำแรกคือชื่อนก คำที่สองหมายความว่า ทั่วทั้งป่า
ข้อ ค. ใช้การเล่นคำพ้องเสียง คำว่า “วรรณ-วัน” คำแรกคือชื่อนก คำที่สองหมายความว่า วัน
ข้อ ง. ใช้การซ้ำคำ คือคำว่าเสีย มีความหมายเดียวกัน คือ ขาด หาย
ดังนั้นตอบข้อ ง. แม้เสียดาหาก็เสียวงศ์ อัปยศถึงองค์อสัญหยา ใช้การซ้ำคำ
๕. ข้อใดมีเสียงท้ายวรรครองและวรรคส่งของกลอนสุภาพถูกต้องตามขนบนิยม
ก. กลิ่นกุหลาบจำปีมะลิลา เหมือนกลิ่นผ้าสไบบางของนางแก้ว
ข. ดั่งดวงจันทร์วันเพ็ญลอยเด่นหล้า เกินจักหานางใดมาเทียมเทียบ
ค. แหวนสามก้อยสลักนามแทนความรัก จงประจักษ์ใจที่มีเพียงหนึ่ง
ง. มาเถิดรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นพลังยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน
เฉลย ขนบนิยมในการแต่งกลอน มีดังนี้
ท้ายวรรคสดับ ห้ามสามัญ
ท้ายวรรครับ ห้ามสามัญ ตรี
ท้ายวรรครอง ห้าม เอก โท จัตวา
ท้ายวรรคส่ง ห้าม เอก โท จัตวา
จากโจทย์ให้มาว่าเป็นท้ายวรรครองและวรรคส่ง ก็มาสังเกตกันได้เลย
ข้อ ก. รอง – ลา เป็นเสียงสามัญ (ถูก) ส่ง - แก้ว เป็นเสียงโท (ผิด)
ข้อ ข. รอง – หล้า เป็นเสียงโท (ผิด)
ข้อ ค. รอง – รัก เป็นเสียง ตรี (ถูก) ส่ง – หนึ่ง เป็นเสียงเอก (ผิด)
ข้อ ง. รอง – ไทย เป็นเสียงสามัญ (ถูก) ส่ง – ดิน เป็นเสียงสามัญ (ถูก)
ดังนั้นตอบข้อ ง. มาเถิดรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นพลังยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน
๖. ข้อใดมีคำที่ไม่ใช่คำซ้อน
ก. ฝืดเคือง เสื่อสาด แปดเปื้อน ข. เจ็บไข้ บ้านเรือน ย่ำค่ำ
ค. ลุ่มลึก ลี้ลับ ไหวหวั่น ง. เด็ดขาด เท็จจริง ข่มเหง
เฉลย คำซ้อนมี ๓ ประเภท
๑. เอาคำที่มีความมายเหมือนกัน ใกล้เคียงกันมาซ้อนกัน เช่น จิตใจ ปัดกวาด
๒. เอาคำที่มีความหมายตรงข้ามกันมาซ้อนกัน เช่น ดีชั่ว ถูกผิด
๓. เอาคำที่มีเสียงใกล้เคียงกัน “ซ้อนเพื่อเสียง” เช่น เอะอะ
เรามาดูโจทย์กันเลยครับ
ข้อ ก. ฝืดเคือง เป็นคำซ้อนใกล้เคียง เสื่อสาด เป็นคำซ้อนใกล้เคียง แปดเปื้อนเป็นคำซ้อนใกล้เคียง
ข้อ ข. เจ็บไข้ เป็นคำซ้อนใกล้เคียง บ้านเรือน เป็นคำซ้อนใกล้เคียง ย่ำค่ำ เป็นคำประสม
ข้อ ค. ลุ่มลึก เป็นคำซ้อนใกล้เคียง ลี้ลับ เป็นคำซ้อนใกล้เคียง ไหวหวั่น เป็นคำซ้อนใกล้เคียง
ข้อ ง. เด็ดขาด เป็นคำซ้อนใกล้เคียง เท็จจริง เป็นคำซ้อนตรงข้าม ข่มเหง เป็นคำซ้อนใกล้เคียง
ดังนั้น ตอบ ข. เจ็บไข้ บ้านเรือน ย่ำค่ำ
๗. คำซ้ำในข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
ก. หลังจบปริญญาตรี ฉันก็คิดๆ อยู่ว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ
ข. เธอก็คงชอบๆ เขาอยู่เหมือนกัน เห็นนัดไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหลายครั้งแล้ว
ค. ผู้อำนวยการจะบรรยายเรื่องประกันคุณภาพ ไปช่วยนั่งๆ ให้ท่านเห็นหน่อย
ง. เวลาเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไปดูคอนเสิร์ต จะชอบร้องกรี๊ดๆ และแสดงอารมณ์ตามนักร้อง
เฉลย ว่าด้วยเรื่องคำซ้ำ คำซ้ำก็คำที่มันใส่ไม้ยมกนั่นแหละ เมื่อซ้ำแล้วจะให้ความหมายดังนี้
๑. ทำให้เบาลง เช่น แดงๆ
๒. ทำให้หนักขึ้น ชัดขึ้น เช่น แดงๆ (ออกเสียงว่า แด๊ง แดง) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของคำ
๓. ให้ความเป็นพหูพจน์ เช่น เยอะๆ
มาดูโจทย์กัน !!!
ข้อ ก. คิดๆ (เบาลง)
ข้อ ข. ชอบๆ (เบาลง)
ข้อ ค. นั่งๆ (เบาลง)
ข้อ ง. กรี๊ดๆ (หนักขึ้น)
ดังนั้น ตอบ ง. เวลาเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไปดูคอนเสิร์ต จะชอบร้องกรี๊ดๆ และแสดงอารมณ์ตามนักร้อง
๘. ข้อใดมีคำที่สร้างขึ้นด้วยวิธีการที่แตกต่างจากข้ออื่น
ก. รู้เรื่องเคืองจิตเจ็บใจ เขียนหนังสือส่งไปให้หลานรัก
ข. อ่านจบขบฟันหันหุน เคืองขุ่นดาลเดือดไม่ดับได้
ค. กระซิบทูลแถลงแจ้งคดี พูดจาพาทีให้แจ้งใจ
ง. อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่ จงชมแต่ยศถาบรรดาศักดิ์
เฉลย การสร้างคำในภาษาไทยมีดังนี้ คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน คำสมาส
๑. คำประสม นำคำ ๒ คำขึ้นไป มาประสมกัน เช่น ดวงตา ลิ้นชัก
๒. คำซ้ำ นำคำ ๒ คำขึ้นไป มาซ้ำกัน เช่น ลายๆ งงๆ คิดๆ
๓. คำซ้อน นำคำ ๒ คำขึ้นไป มาซ้อนกันตามเงื่อนไขที่บอกไว้ในข้อที่ ๗. เช่น จิตใจ ทุกข์สุข เอะอะ เงอะงะ
๔. คำสมาส นำคำบาลี บาลี, สันสกฤต สันสกฤต, บาลี สันสกฤต, สันสกฤต บาลี เช่น จิตวิทยา, ครุภัณฑ์
มาดูโจทย์กันเลย วิ้ดวิ้ว
ข้อ ก. เป็นคำประสมทั้งหมด
ข้อ ข. มีคำซ้อนคือ หันหุน (ซ้อนใกล้เคียง) ดาลเดือด (ซ้อนใกล้เคียง)
ข้อ ค. มีคำซ้อนคือ ทูลแถลง (ซ้อนใกล้เคียง) พูดจาพาที (ซ้อนใกล้เคียง)
ข้อ ง. มีคำซ้อนคือ ชิงชัง (ซ้อนใกล้เคียง) ยศถาบรรดาศักดิ์ (ซ้อนใกล้เคียง)
ดังนั้นตอบ ข้อ ก. รู้เรื่องเคืองจิตเจ็บใจ เขียนหนังสือส่งไปให้หลานรัก
๙. คำที่มีรูปเหมือนกันในข้อใดไม่ใช่คำซ้ำ
ก. รัศมีตนก็หม่นหมอง สิ่งของของตัวก็มัวไหม้
ข. ให้สองทรงสีวิกายานมาศ อำมาตย์เดินเคียงเป็นคู่คู่
ค. พวกเด็กเด็กหยอกเย้าเข้าฉุด อุตลุตล้อมหลังล้อมหน้า
ง. ร้านค้าผ้าผ่อนล้วนดีดี เลือกดูที่งามตามชอบใจ
เฉลย คำที่จะเป็นคำซ้ำได้จะต้องใส่ไม้ยมกได้ เช่น เธอบ่นไปต่างๆ นานา “ต่างต่าง๐” เป็นคำซ้ำ แต่นานา ไม่เป็นคำซ้ำนะครับ เพราะใส่ไม้ยมกไม่ได้ ถ้าใส่แล้วรู้สึกมันแปลกๆ ข้อนั่นแหละไม่ใช่แน่นอน
ก. สิ่งของของตัวก็มัวไหม้ เรามาลองใส่ไม้ยมกดู “สิ่งของๆ ตัวก็มัวไหม้ “ แปลกๆ ใช่ไหม
ข. อำมาตย์เดินเคียงเป็นคู่คู่ ð “อำมาตย์เดินเคียงเป็นคู่ๆ”
ค. พวกเด็กเด็กหยอกเย้าเข้าฉุด ð “พวกเด็กๆ หยอกเย้าเข้าฉุด”
ง. ร้านค้าผ้าผ่อนล้วนดีดี ð “ร้านค้าผ้าผ่อนล้วนดีๆ”
ดังนั้นตอบข้อ ก. รัศมีตนก็หม่นหมอง สิ่งของของตัวก็มัวไหม้
๑๐. คำว่า “ที่” ในข้อใดต่อไปนี้ทำหน้าที่แตกต่างจากข้ออื่น
“ผู้ใหญ่ว่า เยาวชนยุคดิจิทัลนี้ลุ่มหลงอยู่ในวิถีชีวิตสมัยใหม่ตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะประเทศทุนใหญ่ที่ (๑) มือยาวสาวได้สาวเอา แต่พอถึงคราวผู้ใหญ่ที่ (๒) เป็นครูบาอาจารย์จะลงมือแก้ไข กลับเอาอย่างตะวันตกตามที่ (๓) ได้เรียนรู้มา ไม่ได้แยกแยะให้ดีว่าควรจะเอาอะไรมาจึงจะเหมาะสมกับเด็กบ้านเมืองนี้ การแก้ปัญหาเยาวชนของชาติจึงเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เพราะพ่อแม่ที่ (๔) ใกล้ชิดกับเด็กยุคคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตไปแล้ว”
ก. ข้อ (๑) ข. ข้อ (๒) ค. ข้อ (๓) ง. ข้อ (๔)
เฉลย หน้าที่ของคำตามไวยากรณ์ก็คือ “นาม สรรพนาม กริยา วิเศษณ์ สันธาน บุพบท อุทาน” ซึ่งแต่ละอย่างก็มีหน้าที่ต่างกันไปดังนี้
๑. นาม ใช้แทน คน สัตว์ สิ่งของ เช่น ประเทศไทย สุราษฎร์พิทยา ศิริศักดิ์ (ชื่อผมเอง ๕๕๕๕)
๒. สรรพนาม ใช้แทนคำนาม เช่น ฉัน เธอ เขา มัน ท่าน ตัวเอง เค้า (๒ คำหลังเนี่ย วัยรุ่นชอบใช้)
๓. กริยา ใช้แสดงกิริยา อาการ เช่น กิน เดิน นอน ปัสสาวะ
๔. วิเศษณ์ ใช้ขยาย บ่งบอกรายละเอียดของสิ่งนั้นๆ เหมือนกับ Adv. หรือ Adj. ในภาษาอังกฤษ เช่น อ้วน ต่ำ ดำ ผอม สวย รวย
๕. สันธาน ใช้เชื่อประโยค เช่น ฉันและเธอจูงมือกันไป
๖. บุพบท ใช้เชื่อมคำ บ่งบอกสถานที่ เช่น ฉันจะไปอยู่ใกล้ๆ เธอ
๗. อุทาน ใช้แสดงอาการตกใจ มักมีเครื่องหมายตกใจ (อัศเจรีย์) กลัว เช่น ว้าย! อุ๊ย! โอ๊ย!
มาดูโจทย์กัน คำว่า “ที่” จะใช้ในประโยคความซ้อน และจะทำหน้าที่เป็น ประพันธสรรพนาม, ประพันธวิเศษณ์ วิธีดูว่าเป็นประพันธสรรพนามหรือประพันธวิเศษณ์ง่ายๆ คือ ถ้าเป็นประพันธสรรพนาม จะต้องตามหลัง นาม/สรรพนาม ถ้าเป็นประพันธวิเศษณ์ จะต้องตามหลัง กริยา/วิเศษณ์
ข้อ ก. ประเทศทุนใหญ่ที่มือยาวสาวได้สาวเอา “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธสรรพนาม” เพราะตามหลังนาม “ประเทศทุนใหญ่”
ข้อ ข. แต่พอถึงคราวผู้ใหญ่ที่เป็นครูบาอาจารย์จะลงมือแก้ไข “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธสรรพนาม” เพราะตามหลังนาม “ผู้ใหญ่”
ข้อ ค. กลับเอาอย่างตะวันตกตามที่ได้เรียนรู้มา “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธวิเศษณ์” เพราะตามหลังกริยา “ตาม”
ข้อ ง. เพราะพ่อแม่ที่ใกล้ชิดกับเด็กยุคคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตไปแล้ว “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธสรรพนาม” เพราะตามหลังนาม “พ่อแม่”
ดังนั้น ตอบ ค. ข้อ (๓)
๑๑. ข้อใดมีคำที่มีความหมายกว้าง
ก. เขาอยากมีร้านจำหน่ายเครื่องเสียงมานานแล้ว
ข. ฉันชอบเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นให้อุณหภูมิสูงหน่อย
ค. ช่างกำลังติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องทำงานของผม
ง. เด็กๆ พากันสนใจเครื่องฉายสไลด์ที่ตั้งอยู่กลางห้องเรียน
เฉลย ทีนี้มาถึงเรื่องการใช้คำ คำที่มีความหมายกว้างคือครอบคลุมสิ่งอื่น ตั้งแต่ ๒ อย่างขึ้นไป เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก็มี ฮาร์ดิสก์ ซอฟต์แวร์ อะไรพวกนี้แหละ มาดูในโจทย์กันเลย
ข้อ ก. เครื่องเสียง มี ไมโครโฟน ลำโพง แอมป์ ฯลฯ (กว้างแน่นอน)
ข้อ ข. เครื่องทำน้ำอุ่น ก็มีแค่มันอันเดียวนี่แหละ ไม่นับยี่ห้อน่ะ อิอิ
ข้อ ค. เครื่องปรับอากาศ = แอร์ ก็มีแค่มันอันเดียว
ข้อ ง. เครื่องฉายสไลด์ = โพรแจคเตอร์ ก็มีมันอันเดียวเหมือนกัน
ดังนั้นตอบข้อ ก. เขาอยากมีร้านจำหน่ายเครื่องเสียงมานานแล้ว
“ทั้งหนาวลมหนาวพรมน้ำค้างพราว ไหนจะหนาวซากผาศิลาเย็น”
ก. เป็นพูดชื่อหรือภูตผีปีศาจหลอก ใครช่วยบอกภูตผีมานี่ประเดี๋ยว
ข. ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดให้นิราศเสน่หา
ค. เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
ง. แม้เสียดาหาก็เสียวงศ์ อัปยศถึงองค์อสัญหยา
เฉลย กลวิธีการประพันธ์ / วรรณศิลป์ คืออย่างเดียวกัน มีทั้ง การเล่นคำ การเล่นเสียง การใช้วารภาพพจน์
ข้อ ก. ใช้การเล่นคำพ้องเสียง คำว่า “ภูต - พูด”
ข้อ ข. ใช้การเล่นคำพ้องรูป คำว่า “ตระเวนไพร” คำแรกคือชื่อนก คำที่สองหมายความว่า ทั่วทั้งป่า
ข้อ ค. ใช้การเล่นคำพ้องเสียง คำว่า “วรรณ-วัน” คำแรกคือชื่อนก คำที่สองหมายความว่า วัน
ข้อ ง. ใช้การซ้ำคำ คือคำว่าเสีย มีความหมายเดียวกัน คือ ขาด หาย
ดังนั้นตอบข้อ ง. แม้เสียดาหาก็เสียวงศ์ อัปยศถึงองค์อสัญหยา ใช้การซ้ำคำ
๕. ข้อใดมีเสียงท้ายวรรครองและวรรคส่งของกลอนสุภาพถูกต้องตามขนบนิยม
ก. กลิ่นกุหลาบจำปีมะลิลา เหมือนกลิ่นผ้าสไบบางของนางแก้ว
ข. ดั่งดวงจันทร์วันเพ็ญลอยเด่นหล้า เกินจักหานางใดมาเทียมเทียบ
ค. แหวนสามก้อยสลักนามแทนความรัก จงประจักษ์ใจที่มีเพียงหนึ่ง
ง. มาเถิดรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นพลังยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน
เฉลย ขนบนิยมในการแต่งกลอน มีดังนี้
ท้ายวรรคสดับ ห้ามสามัญ
ท้ายวรรครับ ห้ามสามัญ ตรี
ท้ายวรรครอง ห้าม เอก โท จัตวา
ท้ายวรรคส่ง ห้าม เอก โท จัตวา
จากโจทย์ให้มาว่าเป็นท้ายวรรครองและวรรคส่ง ก็มาสังเกตกันได้เลย
ข้อ ก. รอง – ลา เป็นเสียงสามัญ (ถูก) ส่ง - แก้ว เป็นเสียงโท (ผิด)
ข้อ ข. รอง – หล้า เป็นเสียงโท (ผิด)
ข้อ ค. รอง – รัก เป็นเสียง ตรี (ถูก) ส่ง – หนึ่ง เป็นเสียงเอก (ผิด)
ข้อ ง. รอง – ไทย เป็นเสียงสามัญ (ถูก) ส่ง – ดิน เป็นเสียงสามัญ (ถูก)
ดังนั้นตอบข้อ ง. มาเถิดรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นพลังยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน
๖. ข้อใดมีคำที่ไม่ใช่คำซ้อน
ก. ฝืดเคือง เสื่อสาด แปดเปื้อน ข. เจ็บไข้ บ้านเรือน ย่ำค่ำ
ค. ลุ่มลึก ลี้ลับ ไหวหวั่น ง. เด็ดขาด เท็จจริง ข่มเหง
เฉลย คำซ้อนมี ๓ ประเภท
๑. เอาคำที่มีความมายเหมือนกัน ใกล้เคียงกันมาซ้อนกัน เช่น จิตใจ ปัดกวาด
๒. เอาคำที่มีความหมายตรงข้ามกันมาซ้อนกัน เช่น ดีชั่ว ถูกผิด
๓. เอาคำที่มีเสียงใกล้เคียงกัน “ซ้อนเพื่อเสียง” เช่น เอะอะ
เรามาดูโจทย์กันเลยครับ
ข้อ ก. ฝืดเคือง เป็นคำซ้อนใกล้เคียง เสื่อสาด เป็นคำซ้อนใกล้เคียง แปดเปื้อนเป็นคำซ้อนใกล้เคียง
ข้อ ข. เจ็บไข้ เป็นคำซ้อนใกล้เคียง บ้านเรือน เป็นคำซ้อนใกล้เคียง ย่ำค่ำ เป็นคำประสม
ข้อ ค. ลุ่มลึก เป็นคำซ้อนใกล้เคียง ลี้ลับ เป็นคำซ้อนใกล้เคียง ไหวหวั่น เป็นคำซ้อนใกล้เคียง
ข้อ ง. เด็ดขาด เป็นคำซ้อนใกล้เคียง เท็จจริง เป็นคำซ้อนตรงข้าม ข่มเหง เป็นคำซ้อนใกล้เคียง
ดังนั้น ตอบ ข. เจ็บไข้ บ้านเรือน ย่ำค่ำ
๗. คำซ้ำในข้อใดแตกต่างจากข้ออื่น
ก. หลังจบปริญญาตรี ฉันก็คิดๆ อยู่ว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ
ข. เธอก็คงชอบๆ เขาอยู่เหมือนกัน เห็นนัดไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหลายครั้งแล้ว
ค. ผู้อำนวยการจะบรรยายเรื่องประกันคุณภาพ ไปช่วยนั่งๆ ให้ท่านเห็นหน่อย
ง. เวลาเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไปดูคอนเสิร์ต จะชอบร้องกรี๊ดๆ และแสดงอารมณ์ตามนักร้อง
เฉลย ว่าด้วยเรื่องคำซ้ำ คำซ้ำก็คำที่มันใส่ไม้ยมกนั่นแหละ เมื่อซ้ำแล้วจะให้ความหมายดังนี้
๑. ทำให้เบาลง เช่น แดงๆ
๒. ทำให้หนักขึ้น ชัดขึ้น เช่น แดงๆ (ออกเสียงว่า แด๊ง แดง) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของคำ
๓. ให้ความเป็นพหูพจน์ เช่น เยอะๆ
มาดูโจทย์กัน !!!
ข้อ ก. คิดๆ (เบาลง)
ข้อ ข. ชอบๆ (เบาลง)
ข้อ ค. นั่งๆ (เบาลง)
ข้อ ง. กรี๊ดๆ (หนักขึ้น)
ดังนั้น ตอบ ง. เวลาเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไปดูคอนเสิร์ต จะชอบร้องกรี๊ดๆ และแสดงอารมณ์ตามนักร้อง
๘. ข้อใดมีคำที่สร้างขึ้นด้วยวิธีการที่แตกต่างจากข้ออื่น
ก. รู้เรื่องเคืองจิตเจ็บใจ เขียนหนังสือส่งไปให้หลานรัก
ข. อ่านจบขบฟันหันหุน เคืองขุ่นดาลเดือดไม่ดับได้
ค. กระซิบทูลแถลงแจ้งคดี พูดจาพาทีให้แจ้งใจ
ง. อย่าชิงชังรังเกียจที่หนุ่มแก่ จงชมแต่ยศถาบรรดาศักดิ์
เฉลย การสร้างคำในภาษาไทยมีดังนี้ คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน คำสมาส
๑. คำประสม นำคำ ๒ คำขึ้นไป มาประสมกัน เช่น ดวงตา ลิ้นชัก
๒. คำซ้ำ นำคำ ๒ คำขึ้นไป มาซ้ำกัน เช่น ลายๆ งงๆ คิดๆ
๓. คำซ้อน นำคำ ๒ คำขึ้นไป มาซ้อนกันตามเงื่อนไขที่บอกไว้ในข้อที่ ๗. เช่น จิตใจ ทุกข์สุข เอะอะ เงอะงะ
๔. คำสมาส นำคำบาลี บาลี, สันสกฤต สันสกฤต, บาลี สันสกฤต, สันสกฤต บาลี เช่น จิตวิทยา, ครุภัณฑ์
มาดูโจทย์กันเลย วิ้ดวิ้ว
ข้อ ก. เป็นคำประสมทั้งหมด
ข้อ ข. มีคำซ้อนคือ หันหุน (ซ้อนใกล้เคียง) ดาลเดือด (ซ้อนใกล้เคียง)
ข้อ ค. มีคำซ้อนคือ ทูลแถลง (ซ้อนใกล้เคียง) พูดจาพาที (ซ้อนใกล้เคียง)
ข้อ ง. มีคำซ้อนคือ ชิงชัง (ซ้อนใกล้เคียง) ยศถาบรรดาศักดิ์ (ซ้อนใกล้เคียง)
ดังนั้นตอบ ข้อ ก. รู้เรื่องเคืองจิตเจ็บใจ เขียนหนังสือส่งไปให้หลานรัก
๙. คำที่มีรูปเหมือนกันในข้อใดไม่ใช่คำซ้ำ
ก. รัศมีตนก็หม่นหมอง สิ่งของของตัวก็มัวไหม้
ข. ให้สองทรงสีวิกายานมาศ อำมาตย์เดินเคียงเป็นคู่คู่
ค. พวกเด็กเด็กหยอกเย้าเข้าฉุด อุตลุตล้อมหลังล้อมหน้า
ง. ร้านค้าผ้าผ่อนล้วนดีดี เลือกดูที่งามตามชอบใจ
เฉลย คำที่จะเป็นคำซ้ำได้จะต้องใส่ไม้ยมกได้ เช่น เธอบ่นไปต่างๆ นานา “ต่างต่าง๐” เป็นคำซ้ำ แต่นานา ไม่เป็นคำซ้ำนะครับ เพราะใส่ไม้ยมกไม่ได้ ถ้าใส่แล้วรู้สึกมันแปลกๆ ข้อนั่นแหละไม่ใช่แน่นอน
ก. สิ่งของของตัวก็มัวไหม้ เรามาลองใส่ไม้ยมกดู “สิ่งของๆ ตัวก็มัวไหม้ “ แปลกๆ ใช่ไหม
ข. อำมาตย์เดินเคียงเป็นคู่คู่ ð “อำมาตย์เดินเคียงเป็นคู่ๆ”
ค. พวกเด็กเด็กหยอกเย้าเข้าฉุด ð “พวกเด็กๆ หยอกเย้าเข้าฉุด”
ง. ร้านค้าผ้าผ่อนล้วนดีดี ð “ร้านค้าผ้าผ่อนล้วนดีๆ”
ดังนั้นตอบข้อ ก. รัศมีตนก็หม่นหมอง สิ่งของของตัวก็มัวไหม้
๑๐. คำว่า “ที่” ในข้อใดต่อไปนี้ทำหน้าที่แตกต่างจากข้ออื่น
“ผู้ใหญ่ว่า เยาวชนยุคดิจิทัลนี้ลุ่มหลงอยู่ในวิถีชีวิตสมัยใหม่ตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะประเทศทุนใหญ่ที่ (๑) มือยาวสาวได้สาวเอา แต่พอถึงคราวผู้ใหญ่ที่ (๒) เป็นครูบาอาจารย์จะลงมือแก้ไข กลับเอาอย่างตะวันตกตามที่ (๓) ได้เรียนรู้มา ไม่ได้แยกแยะให้ดีว่าควรจะเอาอะไรมาจึงจะเหมาะสมกับเด็กบ้านเมืองนี้ การแก้ปัญหาเยาวชนของชาติจึงเหมือนลิงแก้แห ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เพราะพ่อแม่ที่ (๔) ใกล้ชิดกับเด็กยุคคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตไปแล้ว”
ก. ข้อ (๑) ข. ข้อ (๒) ค. ข้อ (๓) ง. ข้อ (๔)
เฉลย หน้าที่ของคำตามไวยากรณ์ก็คือ “นาม สรรพนาม กริยา วิเศษณ์ สันธาน บุพบท อุทาน” ซึ่งแต่ละอย่างก็มีหน้าที่ต่างกันไปดังนี้
๑. นาม ใช้แทน คน สัตว์ สิ่งของ เช่น ประเทศไทย สุราษฎร์พิทยา ศิริศักดิ์ (ชื่อผมเอง ๕๕๕๕)
๒. สรรพนาม ใช้แทนคำนาม เช่น ฉัน เธอ เขา มัน ท่าน ตัวเอง เค้า (๒ คำหลังเนี่ย วัยรุ่นชอบใช้)
๓. กริยา ใช้แสดงกิริยา อาการ เช่น กิน เดิน นอน ปัสสาวะ
๔. วิเศษณ์ ใช้ขยาย บ่งบอกรายละเอียดของสิ่งนั้นๆ เหมือนกับ Adv. หรือ Adj. ในภาษาอังกฤษ เช่น อ้วน ต่ำ ดำ ผอม สวย รวย
๕. สันธาน ใช้เชื่อประโยค เช่น ฉันและเธอจูงมือกันไป
๖. บุพบท ใช้เชื่อมคำ บ่งบอกสถานที่ เช่น ฉันจะไปอยู่ใกล้ๆ เธอ
๗. อุทาน ใช้แสดงอาการตกใจ มักมีเครื่องหมายตกใจ (อัศเจรีย์) กลัว เช่น ว้าย! อุ๊ย! โอ๊ย!
มาดูโจทย์กัน คำว่า “ที่” จะใช้ในประโยคความซ้อน และจะทำหน้าที่เป็น ประพันธสรรพนาม, ประพันธวิเศษณ์ วิธีดูว่าเป็นประพันธสรรพนามหรือประพันธวิเศษณ์ง่ายๆ คือ ถ้าเป็นประพันธสรรพนาม จะต้องตามหลัง นาม/สรรพนาม ถ้าเป็นประพันธวิเศษณ์ จะต้องตามหลัง กริยา/วิเศษณ์
ข้อ ก. ประเทศทุนใหญ่ที่มือยาวสาวได้สาวเอา “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธสรรพนาม” เพราะตามหลังนาม “ประเทศทุนใหญ่”
ข้อ ข. แต่พอถึงคราวผู้ใหญ่ที่เป็นครูบาอาจารย์จะลงมือแก้ไข “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธสรรพนาม” เพราะตามหลังนาม “ผู้ใหญ่”
ข้อ ค. กลับเอาอย่างตะวันตกตามที่ได้เรียนรู้มา “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธวิเศษณ์” เพราะตามหลังกริยา “ตาม”
ข้อ ง. เพราะพ่อแม่ที่ใกล้ชิดกับเด็กยุคคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตไปแล้ว “ที่” ทำหน้าที่เป็น “ประพันธสรรพนาม” เพราะตามหลังนาม “พ่อแม่”
ดังนั้น ตอบ ค. ข้อ (๓)
๑๑. ข้อใดมีคำที่มีความหมายกว้าง
ก. เขาอยากมีร้านจำหน่ายเครื่องเสียงมานานแล้ว
ข. ฉันชอบเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นให้อุณหภูมิสูงหน่อย
ค. ช่างกำลังติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องทำงานของผม
ง. เด็กๆ พากันสนใจเครื่องฉายสไลด์ที่ตั้งอยู่กลางห้องเรียน
เฉลย ทีนี้มาถึงเรื่องการใช้คำ คำที่มีความหมายกว้างคือครอบคลุมสิ่งอื่น ตั้งแต่ ๒ อย่างขึ้นไป เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก็มี ฮาร์ดิสก์ ซอฟต์แวร์ อะไรพวกนี้แหละ มาดูในโจทย์กันเลย
ข้อ ก. เครื่องเสียง มี ไมโครโฟน ลำโพง แอมป์ ฯลฯ (กว้างแน่นอน)
ข้อ ข. เครื่องทำน้ำอุ่น ก็มีแค่มันอันเดียวนี่แหละ ไม่นับยี่ห้อน่ะ อิอิ
ข้อ ค. เครื่องปรับอากาศ = แอร์ ก็มีแค่มันอันเดียว
ข้อ ง. เครื่องฉายสไลด์ = โพรแจคเตอร์ ก็มีมันอันเดียวเหมือนกัน
ดังนั้นตอบข้อ ก. เขาอยากมีร้านจำหน่ายเครื่องเสียงมานานแล้ว
วันลังจะเอามาเพิ่มครับ
2 comments:
ขอบคุณค่ะ
เข้าใจขึ้นเยอะเลย
Post a Comment